ธุรกิจในบ่อนชนไก่
ในปัจจุบัน บ่อนชนไก่มีการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เข้าบ่อน ไม่ว่าจะเข้าไปเล่นการพนันหรือไม่ก็ตาม การที่แต่ละคนต้องอยู่ภายในบ่อนเป็นเวลานาน ทำให้เกิดธุรกิจต่าง ๆ เช่น
-.บริการที่จอดรถ โดยคิดค่าจอดรถคันละ 10 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์ และ 20 บาท สำหรับรถยนต์
-.ร้านอาหารและเครื่องดื่ม บ่อนชนไก่ส่วนใหญ่มีร้านขายอาหารอยู่ภายในบ่อนและบริเวณใกล้เคียง อาหารที่ขายโดยทั่วไปเป็นอาหารพื้นเมืองอาหารจานเดียว สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยทั่วไปจะขายอยู่ภายนอกบ่อน เพราะมีการห้ามซื้อ-ขายเหล้าและเบียร์ภายในบ่อนแต่ในทางปฏิบัติก็ขึ้นกับความเข้มงวดของแต่ละบ่อน
-.ร้านขายอุปกรณ์ ยา อาหารเสริม สำหรับไก่ชน บ่อนชนไก่แทบทุกแห่งมีการขายอุปกรณ์ ยา และอาหารเสริมสำหรับไก่ชน โดยมีทั้งยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร มีสรรพคุณในการรักษาโรค กระตุ้นประสาทและยาชูกำลัง ร้านเหล่านี้อาจเป็นสาขาหรือมีคนรับของมาขาย เจ้าของบ่อนจะอนุญาตให้นำมาขาย โดยเก็บค่าตั้งแผงหรือค่าใช้ไฟฟ้า
-.บริการที่นั่งติดสังเวียน โดยมีการแถมผ้าเย็นและสมุดจดบันทึกการต่อรอง คิดค่าบริการที่นั่งละ 100 บาท ส่วนบ่อนเมืองจะเรียกบริการนี้ว่าขายสมุดเอาเงินส่งนาย ซึ่งหมายถึงเงินที่ได้จากการขายสมุดจะเป็นค่าส่วยสำหรับตำรวจ
รายรับ-รายจ่ายของบ่อนชนไก่
รายรับ-รายจ่ายของบ่อนชนไก่แต่ละแห่งแตกต่างกันมาก ตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละท้องถิ่น จากการกลายเป็นธุรกิจการพนันมากกว่าเพื่อความบันเทิงดังเช่นในสมัยก่อน เจ้าของบ่อนจึงต้องการหารายได้จากการประกอบกิจการให้ได้มากที่สุด
การหารายได้ของบ่อนชนไก่มีสองแนวคิด ดังนี้
หนึ่ง แนวคิดการผูกขาดการให้บริการ โดยเจ้าของบ่อนดำเนินการเอาเกือบทั้งหมด เช่น ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นกิจการที่สร้างรายได้ได้มาก และบริการที่จอดรถ รายได้ที่เข้าบ่อนมีทั้งรายได้ที่มาจากการดำเนินกิจการโดยตรง และรายได้ที่เป็นค่าเช่าพื้นที่ ขณะเดียวกันเจ้าของบอนก็เป็นผู้รับผิดชอบรายจ่ายทั้งหมด บ่อนชนไก่ส่วนใหญ่ใช้แนวคิดการผูกขาดการให้บริการ
สอง แนวคิดการกระจายรายได้ สำหรับแนวคิดนี้ เจ้าของบ่อนดำเนินการเฉพาะการชนไก่ ซึ่งมีรายได้ร้อยละ 10 ของวงเงินเดิมพันส่วนกิจการอื่น ๆ ให้ชาวบ้านซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มแม่บ้านเป็นผู้ดำเนินการ เช่น ร้านขายอาหาร ส่วนบริการที่จอดรถให้เจ้าของที่ดินที่อยู่ติดกับบ่อนเป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ บ่อนต้องคืนรายได้ให้กับชุมชน ตามแต่ชุมชนจะเสนอมา เช่น การสร้างศูนย์การเรียนรู้ การสร้างเมรุ ชุดกีฬาสำหรับเยาวชน หรือการช่วยเหลือเมื่อเกิดอุทกภัย
แนวคิดนี้มีที่มาจากการที่ผู้ก่อตั้งบ่อนชนไก่เป็นผู้นำชุมชนที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ เมื่อมีการฟื้นฟูบ่อนชนไก่ภายหลังวิกฤติไข้หวัดนกในปี 2552 เจ้าของบ่อนจึงปรึกษาหารือกับกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำ และผู้อาวุโส บ่อนจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และถูกควบคุมโดยชุมชน บ่อนชนไก่ที่มีแนวคิดกระจายรายได้สู่ชุมชนมีอยู่เพียงแห่งเดียว คือบ่อนในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
จากความแตกต่างของสองแนวคิด ทำให้วิธีการคำนวณรายรับ-รายจ่ายของบ่อนชนไก่แตกต่างกันไปด้วย แต่ส่วนที่คิดตรงกันแทบทุกบ่อนก็คือ รายได้หลักมาจากเงินร้อยละ 10 ของวงเงินเดิมพัน โดยบ่อนบ้านต้องการไก่ชนอย่างน้อย 20 คู่ ส่วนบ่อนเมืองต้องการไก่ชนเพียง 5 คู่ โดยแต่ละคู่มีวงเงินเดิมพัน 110,000 บาทขึ้นไป
โดยสรุป แม้จะดูเหมือนว่าบ่อนชนไก่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ แต่ภายใต้การดำรงอยู่ของระบบอุปถัมภ์ ทำให้บ่อนชนไก่ต้องแบกรับภาระในการเกื้อหนุนระบบดังกล่าว ดังจะเห็นจากรายจ่ายของบ่อนชนไก่ ไม่ว่าจะเป็นค่าส่วยหรือค่าแสดงความจงรักภักดี ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 5,000 บาท (แล้วแต่ขนาดของบ่อน) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่บ่อนถูกขอร้องแกมบังคับให้จ่าย เพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์ และทำให้เชื่อมั่นได้ว่าจะรับการต่อสัญญาเปิดบ่อนในปีต่อไป
ส่วนส่วยเป็นข้อตกลงระหว่างเจ้าของบ่อนกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดยการรับจ่ายจะทำอย่างเป็นระบบและไม่เปิดเผย แต่เป็นที่รับรู้กันทั่วไป ตัวเลขรายจ่ายในส่วนนี้ของแต่ละบ่อนนั้นไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองและสถานะของเจ้าของบ่อน บ่อนชนไก่ที่มีนักการเมืองหนุนหลังอาจไม่ต้องจ่ายส่วย หรือจ่ายจำนวนน้อย นอกจากนี้ สิ่งที่เจ้าของบ่อนกังวลก็คือ นับวันค่าส่วยจะสูงขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับการโยกย้ายตำแหน่งของผู้บังคับบัญชา โดยเมื่อมีการโยกย้าย ก็จะมีการเจรจาต่อรองราคาส่วยกันใหม่
การที่บ่อนชนไก่มีการจ่ายค่าแสดงความจงรักภักดี ซึ่งเปรียบเสมือนท่อน้ำเลี้ยงสำหรับข้าราชการและนักการเมืองที่เกี่ยวข้อง อันเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเชิงอำนาจระดับประเทศ ดังนั้นจึงเข้าใจได้ว่าเหตุใดการพยายามคุมกำเนิดหรือจำกัดจำนวนบ่อนชนไก่จึงไม่เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ
ระบบการเมืองแบบอุปถัมภ์นั้นต้องอาศัยธุรกิจการพนันเป็นเครื่องมือในการรักษาความสัมพันธ์ แม้ภาครัฐจะตอกย้ำภาพลักษณ์ของบ่อนชนไก่ในทิศทางที่เสื่อมเสีย แต่ก็ใช้ภพลักษณ์เชิงลบเหล่านั้นเป็นแหล่งผลประโยชน์ และบ่อนชนไก่ก็ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ต้องจำยอมอยู่ในระบบความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ต่อไป